ค่าจ้างนักบัญชี ภาษี vs ค่าจ้างสำนักงานบัญชีเพื่อดูแลสุขภาพทางการเงินของคุณ

 

การทำบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วนเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องให้ความใส่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่จะต้องมีการจัดทำบัญชีอย่างถูกต้องโดยนักบัญชีมืออาชีพเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการบันทึกรายการทางการเงิน ซึ่งทางเลือกในการวางระบบบัญชีมีอยู่ด้วยกันหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการใช้โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูป หรือจ้างนักบัญชีมืออาชีพมาทำการวางแผนบัญชีและวางแผนเรื่องภาษี ซึ่งทั้ง 2 รูปแบบต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป เจ้าของกิจการจึงต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะเลือกจ้างในรูปแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับธุรกิจของตนเอง

ในปัจจุบันองค์กรธุรกิจส่วนใหญ่มักเลือกจ้างนักบัญชีหรือจ้างสำนักงานบัญชีเพื่อทำรายการบัญชีและภาษี เพราะมีความรู้ความชำนาญและมีความเป็นมืออาชีพในด้านการทำบัญชี สามารถเป็นที่ปรึกษาบัญชีและที่ปรึกษาภาษีได้ แต่ทั้งสองแบบนี้ก็มีความแตกต่างกันหลายอย่างโดยเฉพาะ ค่าจ้างนักบัญชี ภาษี และ ค่าจ้างสำนักงานบัญชีเพื่อดูแลสุขภาพทางการเงิน เจ้าของกิจการต้องพิจารณาให้ดีว่าจะเลือกใช้วิธีไหนดีในการจัดทำบัญชีของกิจการ

ค่าจ้างนักบัญชี ในการจัดทำบัญชีและภาษี

นักบัญชีที่จะมาดูแลจัดทำรายงานทางการเงินและวางแผนภาษีให้กับบริษัทนั้น จะต้องเป็นนักบัญชีที่เรียนจบมาทางด้านบัญชีหรือบริหารธุรกิจและมีความรู้ความสามารถในการทำบัญชีเป็นอย่างดีแล้ว อีกทั้งยังต้องมีคุณสมบัติสำคัญคือ ความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบ อีกทั้งยังต้องมีความรอบคอบในการจัดทำรายงานทางการเงินของกิจการและการวางแผนภาษีเพราะหากเกิดความผิดพลาดใด ๆ ขึ้นมาจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อบริษัท ซึ่งค่าจ้างนักบัญชี ภาษี นั้นอยู่ในอัตราโดยประมาณดังต่อไปนี้

  • ประสบการณ์ 0-1 ปี ค่าจ้างต่อเดือน 10,000 – 12,000 บาท
  • ประสบการณ์ 1-2 ปี ค่าจ้างต่อเดือน 15,000 – 20,000 บาท
  • ประสบการณ์ 2-3 ปี ค่าจ้างต่อเดือน 20,000 – 25,000 บาท

หากบริษัทมีการทำธุรกรรมเป็นจำนวนมากก็จำเป็นต้องจ้างพนักงานบัญชีหลายคน ทำให้ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย และยิ่งหากเป็นนักบัญชีเก่ง ๆ ที่มีประสบการณ์มาก ค่าจ้างต่อเดือนก็จะยิ่งสูงมากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่านอกเหนือจากค่าจ้างนักบัญชีแล้ว ยังต้องมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมทำบัญชี ซึ่งอาจจะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ของโปรแกรมเป็นรายเดือนหรือรายปีตามจำนวนไลเซนส์ที่ใช้งานอีกด้วย

ค่าจ้างสำนักงานบัญชี ในการจัดทำบัญชีและภาษี

ปัจจุบันนี้มีสำนักงานบัญชีให้บริการรับทำบัญชีและวางแผนภาษีอยู่ด้วยกันมากมายหลายแห่ง ซึ่งสำนักงานบัญชีเหล่านี้จะมีความพร้อมทั้งทางด้านทรัพยากรบุคคลและโปรแกรมต่าง ๆ สำหรับการทำบัญชีซึ่งช่วยลดภาระของบริษัทในการจัดหาทรัพยากรเหล่านี้ลงไปได้มาก อีกทั้งสำนักงานบัญชีที่มีชื่อเสียงก็จะมีนักบัญชีเก่ง ๆ มากมายรวมทั้งที่ปรึกษาบัญชีและที่ปรึกษาภาษีที่มีประสบการณ์สูงจึงเพิ่มความมั่นใจได้มากว่าจะได้รับรายงานทางการเงินที่ถูกต้องและมีการวางแผนภาษีที่ดี ซึ่งค่าจ้างในการจ้างสำนักงานบัญชีเพื่อดูแลสุขภาพทางการเงินของคุณขึ้นอยู่กับความซับซ้อนในการทำเอกสารและความยากง่ายของรายงานรวมทั้งปริมาณของรายการทางการเงินของบริษัท โดยสำนักงานบัญชีจะมีการคิดค่าบริการตามประเภทของธุรกิจเนื่องจากกิจการแต่ละประเภทมีรายละเอียดของเอกสารที่แตกต่างกัน โดยคิดในอัตราดังต่อไปนี้

บัญชีสำหรับธุรกิจบริการ

  • จำนวนเอกสาร 1-40 ชุด คิดอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 1,000 – 1,500 บาท ต่อเดือน
  • จำนวนเอกสาร 41-80 ชุด คิดอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 1,500 – 2,000 บาท ต่อเดือน
  • จำนวนเอกสาร 81-120 ชุด คิดอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 2,500 บาท ต่อเดือน
  • จำนวนเอกสารตั้งแต่ 121-500 ชุด คิดอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 5,000 บาท ต่อเดือน

บัญชีสำหรับธุรกิจซื้อมาขายไปภายในประเทศ

  • จำนวนเอกสาร 1-40 ชุด คิดอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 1,500 – 2,000 บาท ต่อเดือน
  • จำนวนเอกสาร 41-80 ชุด คิดอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 2,500 บาท ต่อเดือน
  • จำนวนเอกสาร 81-120 ชุด คิดอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 2,500 – 3,500 บาท ต่อเดือน
  • จำนวนเอกสารตั้งแต่ 121-500 ชุด คิดอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 3,500 – 5,500 บาท ต่อเดือน

บัญชีสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต

  • จำนวนเอกสาร 1-40 ชุด คิดอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 2,000 – 2,500 บาท ต่อเดือน
  • จำนวนเอกสาร 41-80 ชุด คิดอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 3,500 บาท ต่อเดือน
  • จำนวนเอกสาร 81-120 ชุด คิดอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 3,500 – 4,500 บาท ต่อเดือน
  • จำนวนเอกสารตั้งแต่ 121-500 ชุด คิดอัตราค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 4,500 – 6,000 บาท ต่อเดือน

อัตราค่าบริการของสำนักงานบัญชีสำหรับเป็นที่ปรึกษาบัญชีและที่ปรึกษาภาษีดังที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลอย่างคร่าว ๆ เท่านั้น ซึ่งหากต้องการทราบรายละเอียดของค่าบริการตามจริงสามารถสอบถามได้ที่สำนักงานบัญชีที่สนใจ

ค่าจ้างนักบัญชี ภาษี vs ค่าจ้างสำนักงานบัญชีเพื่อดูแลสุขภาพทางการเงินของคุณ

ข้อดีของการจ้างนักบัญชีคือ มีความต่อเนื่องในการทำงานและหากได้นักบัญชีเก่ง ๆ มาก็จะช่วยเรื่องการวางแผนบัญชีและวางแผนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ข้อเสียก็คือนักบัญชีเก่ง ๆ นั้นหาได้ยาก อีกทั้งยังต้องมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมในการทำบัญชีอีกต่างหาก

ในขณะที่การจ้างสำนักงานบัญชีนั้นมีข้อดีคือ มีนักบัญชีเก่ง ๆ และมีประสบการณ์สูงช่วยในการจัดทำบัญชีและวางแผนภาษี ค่าจ้างต่อเดือนก็คิดในอัตราเหมาจ่าย ไม่ต้องเสียค่าอุปกรณ์และค่าโปรแกรมจึงช่วยลดต้นทุนของบริษัท และไม่มีปัญหาในเรื่องของความซื่อสัตย์เพราะสำนักงานบัญชีจะทำงานอย่างมืออาชีพและตรงไปตรงมา

เมื่อได้เห็นข้อมูลค่าจ้างของนักบัญชีเปรียบเทียบกับการใช้บริการสำนักงานบัญชีแล้ว เจ้าของกิจการก็สามารถนำไปเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจว่าจะเลือกจ้างทำบัญชีแบบไหนดี  สำหรับเจ้าของกิจการท่านใดที่กำลังสนใจใช้บริการสำนักงานบัญชี แต่ยังไม่รู้ว่าจะใช้บริการจากที่ไหนดี ลองเข้ามาติดต่อสอบถามข้อมูลกับ Scholar Accounting กันดูก่อน รับรองว่าคุณจะได้บริษัทรับทำบัญชีดี ๆ มาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกอย่างแน่นอน