เมื่อการทำบัญชีเป็นหนึ่งในส่วนประกอบสำคัญของการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือใหญ่ เพราะฉะนั้นสำนักงานบัญชีจึงมีความสำคัญ ซึ่งในปัจจุบันมีหลากหลายบริษัทให้เลือก แต่ละสถานที่ล้วนมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ ระบบบริการ และค่าใช้จ่าย หากคุณคือผู้ประกอบการที่มีการทำธุรกิจค้าขายสร้างกำไร จึงจำเป็นต้องทำงบการเงินของบริษัทเพื่อยื่นเอกสารตามกฏหมายให้ถูกต้อง งบที่มองเห็นหลังจากสรุปแล้ว ยังนำไปใช้เป็นตัวชี้วัดผลทางธุรกิจ เอาไปวางแผนการทำงานต่อไปในอนาคต เพื่อช่วยให้เกิดการมองเห็นกำไรได้ ดังนั้นเพื่อทำความเข้าใจว่าแต่ละบริษัทที่แม้จะเป็นสำนักงานบัญชี มีนิยามหน้าที่เหมือนกัน แต่ในความต่างนั้น มีอะไรบ้าง ? ลองมาติดตามดูกัน…
ค่าจ้างของสำนักงานบัญชี
ค่าทำบัญชีโดยทั่วไปของสำนักงานบัญชีจะมีความแตกต่างกัน โดยบริษัทจะแจ้งเอาไว้ให้ชัดเจน โดยจะขึ้นอยู่กับปริมาณเอกสารที่ต้องทำบัญชี มีมากน้อยแค่ไหน มีความยากง่ายซับซ้อนระดับไหน โดยปกติที่พบโดยทั่วไป จะเริ่มต้นที่ 3,000 บาทขึ้นไป (โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3,000-6,000 บาท) หรืออาจจะมีค่าจ้างที่สูงมากกว่านี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ รวมไปถึงปัจจัยอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของประสบการณ์พนักงานที่ปรึกษาบัญชีที่ถูกส่งมาทำหน้าที่ดูแลบัญชีให้ หากบริษัทที่ใส่ใจรายละเอียดเรื่องคุณภาพเป็นพิเศษ คัดสรรพนักงานที่มีคุณภาพมาตั้งเป็นบริษัทแล้วล่ะก็ ค่าใช้จ่ายในการจ้างงาน ก็อาจจะสูงขึ้นตามไปด้วย
ประสบการณ์ในการทำงาน
สำนักงานบัญชีที่อยู่มานานกว่า โดยทั่วไปจะมีประสบการณ์มากกว่าสำนักงานบัญชีใหม่ ๆ ที่เพิ่งเริ่มก่อตั้ง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ใช่ว่าสำนักงานบัญชีที่เปิดใหม่จะด้อยคุณภาพ เพราะพนักงานที่คัดสรรมาอาจจะมีวุฒิการทำงานด้านนี้ในระดับมืออาชีพมากกว่ามารวมตัวกัน จนกลายเป็นสำนักงานที่มีความเชี่ยวชาญแบบครบวงจรเลยก็เป็นได้ หัวใจหลักสำคัญของสำนักงานเหล่านี้ ก็คือการช่วยให้ลูกค้ามีความสะดวกสบายในการจัดการระบบบัญชีต่าง ๆ ที่ต้องทำ มีความรวดเร็ว แม่นยำ และถูกต้อง สามารถช่วยเหลือธุรกิจทั้งรายย่อยและรายใหญ่ ให้ประสบความสำเร็จต่อไปได้ในอนาคต ซึ่งก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ขั้นพื้นฐานที่ต้องมี ส่วนจะมากหรือน้อย ก็แตกต่างกันออกไปตามแต่ละบริษัท
ความหลากหลายในการทำงาน
โดยปกติงานทางด้านการจัดทำบัญชีจะมีบริการที่หลากหลาย เช่น บางแห่งรับทำบัญชี บางแห่งรับตรวจสอบบัญชี บางบริษัทรับดูแลทั้งธุรกิจที่เป็นของไทยและของต่างชาติ มีระบบคอยช่วยให้คำปรึกษาในเรื่องการวางแผนบัญชี รวมไปถึงดูแลงบประมาณเพื่อให้มองเห็นได้ว่าธุรกิจในปีดังกล่าวเดินหน้าไปถึงไหนแล้ว บางแห่งก็ดูแลการจดทะเบียนบริษัททุกรูปแบบครบวงจร บางแห่งก็รับจดทะเบียนแค่บางธุรกิจ อีกทั้งการดึงเอาความทันสมัยของเทคโนโลยีเข้ามาใช้ด้วย ก็จะช่วยให้การทำงานของสำนักงานบัญชีตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลายกว่าในอดีต
รูปแบบในการทำงานของสำนักงานบัญชี จะมีความหลากหลายในหลายแง่มุม ซึ่งเราสามารถจำแนกประเภทของสำนักงานบัญชีได้ดังนี้
- ผู้รับทำบัญชีอิสระ
- สำนักงานบัญชี
- สำนักงานบัญชีคุณภาพ
- สำนักงานบัญชีให้บริการลูกค้าต่างชาติ
หากเป็นสำนักงานบัญชีที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ จะมีบริการให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือขอใบอนุญาตเข้าประเทศไทย การทำเรื่องขอใบอนุญาตเข้าทำงาน เหมือนกับเป็นผู้ช่วยให้บริษัทสามารถเดินหน้าไปได้ในทิศทางที่ถูกต้อง แต่หากเป็นสำนักงานที่มีขนาดเล็ก มีพนักงานไม่มากนัก อาจจะรับบริการเพียงแค่ในส่วนของการปิดงบการเงิน และการทำบัญชีให้กับธุรกิจบางประเภทเท่านั้น
ความเที่ยงธรรมในการทำงาน
บริษัทบัญชีที่มีมากมายเกิน 500 แห่งทั่วประเทศไทย ย่อมมีทั้งดีและไม่ดี สำนักงานบัญชีที่ยึดหลักความโปร่งใส มีทั้งความซื่อสัตย์และความเที่ยงตรง จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจไม่ต้องเสี่ยงกับปัญหาด้านข้อกฎหมายที่อาจจะตามมาในภายหลัง การเลือกใช้บริการของสำนักงานบัญชี สิ่งที่เราควรมองหามากกว่าแค่ความสะดวกสบายในการทำบัญชี นั่นก็คือความถูกต้องแม่นยำ มีความน่าเชื่อถือในการทำงาน ดังนั้นถ้าเราเลือกบริษัทที่มีความเที่ยงตรง ทำงานด้วยความโปร่งใส เราก็จะหมดห่วงในเรื่องของปัญหาทางด้านกฎหมายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
จะเห็นได้ว่า สำนักงานบัญชี แม้ว่าจะมีหน้าที่หลักในการทำงานที่ครอบคลุมอยู่ในรูปแบบเดียวกัน แต่ก็มีระบบการทำงานที่แตกต่างกันอยู่พอสมควรในเรื่องคุณภาพ การเลือกใช้บริการจากบริษัทเหล่านี้ จึงจำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ เพื่อมอบหน้าที่ในการวางระบบบัญชีให้ธุรกิจของคุณได้อย่างถูกต้อง ไร้ข้อผิดพลาด มีประโยชน์ต่อธุรกิจ ที่จะส่งผลต่อความสำเร็จและผลกำไรในอนาคตต่อไป หากใครยังไม่รู้ว่าจะเลือกสำนักงานบัญชีที่ไหนดี ลองเข้ามาขอรับคำปรึกษาเบื้องต้นจาก Scholar Accounting ดู รับรองว่าคุณจะได้อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจในการเลือกสำนักงานบัญชีอย่างแน่นอน