ง่ายๆ กับ 3 ขั้นตอนการขอคืนภาษี

ทำไมถึงได้ภาษีคืน

การขอคืนภาษีถือเป็นสิทธิอย่างหนึ่งที่ผู้จ่ายภาษีพึงได้รับกรณีที่เข้าข่าย ซึ่งกระบวนการขั้นตอนการขอคืนภาษีหรือตรวจสอบสถานะภาษีก็มีเพียงไม่กี่ขั้นตอน และมีระยะเวลาดำเนินการไม่นาน หากวางแผนภาษีคำนวณภาษีแล้วทราบว่าเข้าข่ายได้ภาษีคืนก็ควรรีบดำเนินการเพื่อให้ได้เงินคืนไวและไม่ก่อปัญหาภายหลังด้วย

สำหรับผู้ที่มีสิทธิได้รับการคืนภาษีนั้นคือผู้ที่วางแผนภาษีคำนวณรายได้สุทธิแล้วปรากฎว่าไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องจ่ายภาษี เนื่องจากมีค่าลดหย่อนภาษีมากพอที่จะไม่ต้องเสียภาษีนั่นเอง

เอกสารประกอบการขอคืนภาษี

หลังจากวางแผนภาษี คำนวณภาษีและยื่นภาษีแล้ว จะทราบได้ทันทีว่าเข้าข่ายการได้รับภาษีคืนหรือไม่ และสามารถดำเนินการขอคืนภาษีได้ในวันถัดไปหลังจากยื่นภาษี ทั้งนี้ควรจัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้พร้อมเพื่อสะดวกในการยื่นเรื่องขอคืนภาษี

สำหรับเอกสารที่ใช้ประกอบการขอคืนภาษี  คือเอกสารรายการที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ มีดังนี้

  • หนังสือรับรองเงินเดือนและการหักภาษี หรือใบทวิ 50 ที่บริษัทออกให้
  • หลักฐานการหักภาษี ณ ที่จ่าย
  • เอกสารการซื้อกองทุน LTF, RMF
  • ประกันสังคม
  • ใบรับรองเลี้ยงดู บิดา มารดา
  • ใบรับรองชำระเบี้ยประกันชีวิตทั้งของตนเองและบิดามารดา
  • ใบรับรองชำระเบี้ยประกันสุขภาพทั้งของตนเองและบิดามารดา
  • ค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  • กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
  • กองทุนครูโรงเรียนเอกชน
  • กองทุนการออมแห่งชาติ
  • ใบสูติบัตรหรือเอกสารรับรองบุตร
  • ทะเบียนสมรส
  • ใบรับรองดอกเบี้ยกู้บ้าน / คอนโด
  • ใบเสร็จอื่นๆ ที่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ เช่น ใบอนุโมทนาบัตร เงินบริจาค ใบเสร็จซื้อสินค้าช่วงระหว่างวันที่กำหนด

 

ช่องทางการขอคืนภาษี

ปัจจุบันการยื่นขอคืนภาษีนั้นมีทางเลือกมากขึ้น ทั้งยังสะดวกสบาย ประหยัดเวลามากกว่าเดิมด้วย หลังจากที่เราวางแผนภาษีแล้ว อาจมีที่ปรึกษาภาษีเพื่อให้การคำนวณภาษีออกมาถูกต้องแม่นยำที่สุด จากนั้นให้ดำเนินการขอคืนภาษี โดยมีช่องทางการขอคืนภาษี มีดังนี้

  1. ยื่นขอคืนภาษีด้วยตนเอง ณ กรมสรรพากร

หากยื่นขอคืนภาษีด้วยตนเอง ณ กรมสรรพากร จะต้องยื่นขอคืนภาษีระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม ซึ่งใช้เวลานานกว่า

  1. ยื่นขอคืนภาษีออนไลน์

การยื่นขอคืนภาษีออนไลน์สามารถยื่นขอคืนได้ระหว่างวันที่ 1 มกราคม –  9 เมษายน ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร epit.rd.go.th มีข้อดีคือสามารถแก้ไขข้องมูลต่าๆง ได้ทันที

  1. ยื่นขอคืนภาษีผ่านแอพพลิเคชั่น Rd smart tax

อีกช่องทางการยื่นขอคืนภาษีที่ง่ายและสะดวกก็คือการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Rd smart tax ทั้งระบบ IOS และ Androids มีข้อดีคือสามารถแก้ไขข้องมูลต่าๆง ได้ทันที

ขั้นตอนการขอคืนภาษี

  1. เตรียมเอกสารการลดหย่อนภาษีให้พร้อม
  2. ยื่นขอคืนภาษีด้วยตนเองที่กรมสรรพากร หรือผ่านทางเว็บไซต์กรมสรรพากร rd.go.th หรือผ่านทางแอพพลิเคชั่น Rd smart tax
  3. หมั่นตรวจสอบความคืบหน้า ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร http://rd.go.th ไปที่เมนู E-FILING เลือกเมนู “สอบถามการขอคืนภาษี” จากนั้นกรอกข้อมูลและรอรับผล ในกรณีนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีความผิดพลาดหรือหากกรมสรรพกรต้องการเอกสารเพิ่มเติมก็สามารถยื่นได้ทันเวลา

ช่องทางการรับภาษีคืน

1.รับภาษีคืนเป็นธนาณัติเช็ค, ทางไปรษณีย์ หรือการโอนเข้าบัญชีธนาคารโดยอาจใช้เวลารอประมาณ 30 วัน

  1. รับภาษีคืนผ่านพร้อมเพย์ เพียงสมัครบริการพร้อมเพย์ (Prompt Pay) แล้วผูกบัญชีธนาคารกับเลขบัตรประชาชน ซึ่งหากไม่มีข้อผิดพลาดหรือเอกสารไม่ครบ สารถรอรับเงินภาษีคืนได้ภาย 1 วัน

ช่องทางติดต่อกรณีมีปัญหาเรื่องการขอคืนภาษี

  • สอบถามสถานะคืนภาษี
  • เข้าไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากร http://www.rd.go.th เลือกเมนู “E-FILING” เลือกเมนู “สอบถามข้อมูลการขอคืนภาษี”
  • เข้าไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากร http://www.rd.go.th เลือกเมนู “Contact US” เลือกเมนู “สอบถามปัญหา / ร้องเรียน (Contact Us)”
  • ติตด่อศูนย์บริการข้อมูลสรรพากร (RD Call  Center) : 1161
  • ติดต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ตามภูมิลำเนาที่ปรากฏตามการยื่นแบบฯ
  • สอบถามสถานะเอกสาร
  • เข้าไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากร http://www.rd.go.th   เลือกเมนู “E-FILING”  เลือกเมนู “ส่ง / ตรวจสอบการส่งเอกสารประกอบการคืนภาษี”
  • เข้าไปที่เว็บไซต์กรมสรรพากร http://www.rd.go.th  เลือกเมนู “ห้องข่าว”  เลือกเมนู “ข่าวสารอื่นๆ” เลือกเมนู “ส่ง / ตรวจสอบการส่งเอกสารประกอบการคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา”
  • กรณีส่งเอกสารทางไปรษณีย์สามารถตรวจสอบได้จากใบตอบรับ หรือที่เว็บไซต์ Thailandpost.com
  • สอบถามกรณีไม่ได้รับเช็คคืนเงินภาษี

ให้ติดต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ ตามที่ระบุไว้ในแบบ ภ.ง.ด.90/91 โดยใช้เอกสารประกอบการยื่นคำร้อง คือ บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนา

หรือกรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน ให้เตรียม หนังสือมอบอำนาจ และบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจพร้อมสำเนา

  • สอบถามกรณีผู้ขอคืนเงินภาษียื่นแบบฯ มากกว่า 1 ฉบับ เพื่อทำรายการเพิ่มเติม
  • กรณีได้รับเช็คฉบับแรกเป็นจำนวนเงินมากกว่า การยื่นแบบฯ ฉบับเพิ่มเติม ให้ผู้ขอคืนเงินภาษีนำเช็คฯ ส่งคืนให้แก่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ ตามภูมิลำเนาที่ปรากฏตามหนังสือแจ้งคืนเงินฯ และกรมสรรพากรจะพิจารณาคืนเงินภาษี ตามแบบฯ ที่ถูกต้องให้ต่อไป
  • กรณีได้รับเช็คฉบับแรกเป็นจำนวนเงินน้อยกว่า การยื่นแบบฯฉบับเพิ่มเติม ผู้ขอคืนภาษีสามารถนำเช็คคืนเงินฉบับแรกเข้าบัญชีได้ทันที และ กรมสรรพากรจะจัดส่งเช็คคืนเงินภาษีในส่วนที่เหลือให้แก่ผู้ขอคืนภาษีต่อไป
  • สอบถามกรณีเช็คคืนเงินภาษีชำรุด / สูญหาย หรือธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน

ให้ติดต่อสำนักงานสรรพากรพื้นที่ ตามที่ระบุไว้ในแบบแสดงรายการ เพื่อยื่นคำร้องขอออกเช็คฉบับใหม่ โดยมีเอกสารประกอบ ดังนี้

  1. บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนา
  2. หนังสือแจ้งความ กรณีผู้ขอคืนทำเช็คที่ได้รับสูญหาย
  3. หนังสือแจ้งเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล กรณีเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล
  4. หนังสือมอบอำนาจและบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจพร้อมสำเนา
  • สอบถามกรณีได้รับเช็คคืนเงินภาษี แต่ไม่มีบัญชีเงินฝากธนาคาร หรือ เข้าบัญชีไม่ได้
  • กรณีมีภูมิลำเนาตามแบบ ภ.ง.ด.90/91 ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้นำเช็คคืนเงินภาษีไปแลกเป็นเงินสดที่ สำนักบริหารการคลังและรายได้ กรมสรรพากร ชั้น 7 อาคารกรมสรรพากร เลขที่ 90 ซอยพหลโยธิน 7  ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400

(2) กรณีมีภูมิลำเนาตามแบบ ภ.ง.ด.90/91 ในต่างจังหวัด  ให้นำเช็คคืนเงินภาษีไปแลกเป็นเงินสดที่ฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำนักงานสรรพากรพื้นที่ของจังหวัดนั้นๆ

เอกสารที่ใช้ประกอบ มีดังนี้

  1. บัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทางกรณีคนต่างด้าว พร้อมสำเนา
  2. หนังสือจัดตั้งคณะบุคคล กรณีคณะบุคคล
  3. หนังสือมอบอำนาจและบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจพร้อมสำเนา

จะเห็นได้ว่าขั้นตอนการขอคืนภาษีและการได้ภาษีคืนนั้นไม่ยุ่งยาก แต่ที่สำคัญควรมีการวางแผนภาษีอย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจว่าได้คืนภาษีครบถ้วน ซึ่งการมีที่ปรึกษาภาษีก็ถือเป็นทางเลือกที่คนส่วนใหญ่นิยมกัน